Preview : Fujifilm X-A3
Fujifilm X-A3
หลังจากที่ทาง Fujifilm ได้เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Fujifilm X-A3 ออกมา ปรากฏว่ากระแสตอบรับของกล้องรุ่นนี้มากมายล้นหลามเหลือเกิน สำหรับราคาที่ประกาศออกมาก็คือ 23,990 บาทพร้อมเลนส์ Kit 16-50mm และจะวางจำหน่ายราวๆปลายเดือนกันยายน 2559 นี้ ใครที่อยากได้กล้องรุ่นนี้ลองมาดูกันว่า Fujifilm X-A3 ตัวนี้มีอะไรใหม่และน่าสนใจอย่างไรบ้าง เพราะ ได้ไปลองสัมผัสมาแล้ว ว่าแล้วก็ลองดู Preview สั้นๆนี้ก่อนได้เลย
เริ่มจากจุดแรกที่เปลี่ยนแปลงไปจาก X-A2
นั่นคือตัวเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล
นั่นคือหมายความว่าคุณสามารถได้ไฟล์ภาพภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
โดยเซ็นเซอร์ตัวนี้เป็นเซ็นเซอร์ CMOS แบบเดิม ไม่ใช่แบบ X-Trans CMOS
(X-Trans CMOS จะเป็นเซอร์ที่มีคุณภาพสูงกว่า และอยู่ในรุ่นที่มีราคาแพง)
ระบบประมวลผล EXR Processor II ที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดเครื่อง หรือช่วยในเรื่องระบบโฟกัส
พอพูดถึงเรื่องระบบโฟกัส เจ้า X-A3 ก็มีการปรับปรุงระบบโฟกัสขึ้น โดยปรับปรุงให้มีระบบโฟกัสภาพ 77 จุด เมื่อใช้งานโหมดโฟกัสแบบ Zone
และ Wide / Tracking แต่ถ้าเลือกโหมดโฟกัสเฉพาะจุดนั้นเป็นแบบ 49
จุดเหมือนเดิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Fujifilm X-A3
มีโหมดโฟกัสที่เพิ่มมาเรียกว่า Release Priority / Focus Priority และ “AF+MF” ตรงนี้เอาไว้เลือกได้ อย่าง Focus Priority
เลือกให้กล้องลั่นชัตเตอร์เมื่อวัตถุเข้ามาในระยะชัด ส่วน AF+MF
คือเอาไว้ใช้โฟกัสแบบอัตโนมัติร่วมกับแบบหมุนได้ทันทีเองได้โดยไม่ต้องไป
ปรับสวิตซ์อะไรให้ยุ่งยาก
รวมถึงมีปุ่มสวิตซ์ปรับระบบโฟกัสที่ด้านหน้ากล้องให้ใช้งานในแบบ Single ,
Continuous และ Manual
และที่ออกแบบมาเอาใจผู้ใช้งานที่ชอบถ่าย
Selfie สุดๆเห็นจะเป็นหน้าจอแบบบิดพับได้ 180 องศานี่แหละ คือรุ่นเก่าอย่าง
X-A2 มีหลายคนบ่นว่าจอมันบิดพับได้ไม่สุด เวลาถ่าย Selfie
มันถ่ายยากเลยปรับปรุงมาใหม่ และยังมาพร้อมกับหน้าจอแบบสัมผัส
ซึ่งข้อดีก็คือมันจิ้มหน้าจอโฟกัสได้เร็ว
แถมจะใช้ลั่นชัตเตอร์แทนปุ่มก็ยังได้
คือออกแบบมาเหมือนใช้สมาร์ทโฟนถ่ายรูปเลย
และไม่ใช่แค่บิดพับหน้าจออย่างเดียวในการถ่าย
Selfie เพราะ Fujifilm X-A3 มีระบบถ่ายภาพ Selfie ใหม่ๆ เช่น
ลั่นชัตเตอร์เองเมื่อจับภาพในขณะที่เรายิ้ม
หรือลั่นชัตเตอร์เองเมื่อตรวจจับพบหลายใบหน้าในเฟรม
พูดถึงเรื่อง Selfie แล้วยังไม่จบ เพราะ X-A3 มันมีโหมดถ่ายภาพตัวหนึ่งที่เรียกว่า Portrait
Enhancer โหมดนี้หากแปลเป็นไทยง่ายๆก็คือโหมดหน้าเนียนฟรุ้งฟริ้งนั่นเอง
สามารถปรับได้ 3 ระดับด้วยนะ จะเอาเนียนน้อยดูไม่ Fake ก็เอาระดับ 1
ถ้าอยากได้เนียนใสสุดๆแบบกล้องฟรุ้งฟริ้งก็ปรับไปที่ระดับ 3
และภาพล่างเป็นภาพตัวอย่างในโหมดนี้ลองดูว่าหน้านางแบบเนียใสแค่ไหนได้เลย
ที่นี้มาดูหน้าตาเมนูต่างๆของกล้องกันบ้าง
จากที่ลองเล่น Fujifilm X-A3 ตัวนี้ รู้สึกว่า
หน้าจอเมนูนั้นยังคงสไตล์แบบเดิม ผู้ที่ใช้งานกล้อง Fujifilm
มาก่อนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้งานยาก
ส่วนผู้ใช้งานใหม่ก็ศึกษานิดหน่อยก็น่าจะเข้าใจเมนูต่างๆได้ไม่ยาก
แถมมีภาษาไทยรองรับ
และยังสามารถเลือกแตะหน้าจอเพื่อเข้าถึงเมนูต่างๆได้อย่างสะดวกสุดๆอีกด้วย
ขอแวะพูดถึงเรื่องการดีไซน์นิดนึงก่อนแล้วกัน
เพราะเป็นจุดเล็กๆน้อยๆที่ทาง Fujifilm
มีการปรับปรุงนำความคิดเห็นจากผู้ใช้งานมาออกแบบกล้องตัวนี้ อย่างเช่น
สามารถใช้งานปุ่ม Vertical command dial
เพื่อทำการลั่นชัตเตอร์ได้
ปุ่มที่ว่าก็คือวงแหวนสีดำที่อยู่ตรงบริเวณหลังกล้องด้านขวา
ปกติเอาไว้ใช้หมุนปรับการทำงานต่างๆโดยใช้นิ้วโป้งขวา แต่พอถือกล้องถ่าย
Selfie สามารถใช้นิ้วชี้ซ้ายกดเป็นปุ่มชัตเตอร์ได้
เพราะมันจะถนัดกว่าการเอานิ้วไปกดปุ่มชัตเตอร์ตรงๆ
รวมไปถึงรูปแบบตัวกล้องที่มีการปรับปรุงในจุดเล็กๆน้อยอื่นๆด้วย เช่น
กริปที่จับถนัดขึ้นเป็นต้น
ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็เช่นระบบกันสั่นแบบ
ดิจิตอล 5 แกน เมื่อถ่ายวีดีโอเพื่อให้ภาพที่ได้ไม่สั่นไหว หรือระบบ Wi-Fi
ที่สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนเพื่อเอาไว้ดูรูป
ใช้เป็นรีโมทถ่ายรูปและโอนถ่ายรูปได้ และระบบ Auto Macro
ช่วยให้คุณถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 7
เซนติเมตรเมื่อใช้งานกับเลนส์ XC16-50mmF3.5-5.6 OIS II
ที่เป็นเลนส์คิตนั่นเอง รวมไปถึงสามารถชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB
ของตัวกล้องได้อีกด้วย
และจากการได้ลองสัมผัส Fujifilm X-A3
มาอย่างคร่าวๆ
ก็ต้องขอบอกว่านี่เป็นกล้องระดับเริ่มต้นที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว
คือเป็นกล้องที่เหมาะกับสาวๆที่เริ่มถ่ายรูปหรือไม่ก็อยากได้กล้องฟรุ้งฟ
ริ้งที่มันเปลี่ยนเลนส์ได้ (ทำหน้าชัดหลังเบลอได้ง่ายกว่ากล้องคอมแพ็คด้วย)
หรือไม่ก็หนุ่มๆที่อยากได้กล้องที่ถ่ายสาวๆแล้วดูฟรุ้งฟริ้ง
เพราะกล้องนี้มันตอบโจทย์ตรงนั้นจริงๆ สำหรับตัวกล้อง Fujifilm X-A3
มีสีให้เลือก 3 สี คือ ดำ น้ำตาลและชมพู ราคาก็อยู่ที่ 23,990 บาท
ใครที่อยากได้ก็อดใจรอกันหน่อย ของจะเข้ามาประมาณปลายเดือนกันยายนจ้า
จุดเด่น
- หน้าตาดีไซน์สวยแบบ Retro
- ไฟล์กล้องสวยแบบฟรุ้งฟริ้ง
- ระบบใหม่ๆที่ให้มาตอบโจทย์การถ่ายภาพได้มากขึ้นเช่นระบบ Selfie
จุดสังเกต
- ไม่มีจอวิวไฟน์เดอร์ ซึ่งหลายคนบอกว่ามีไว้ก็ดีเหมือนกันเพราะมองในที่แสงจ้าได้ดีกว่า แต่คงเป็นเรื่องของต้นทุนการผลิตที่จะทำให้กล้องราคาสูงขึ้นกว่านี้ ใครอยากได้ก็ไปเล่นรุ่นใหญ่กว่านี้ดีกว่า
- เซ็นเซอร์ไม่ใช่ X-Trans CMOS ที่เป็นจุดขายของ Fujifilm ในกล้องรุ่นใหญ่ๆแพงๆ แต่ก็น่าจะเหตุผลเรื่องต้นทุนอีกนั่นแหละ
ไม่มีความคิดเห็น