Breaking News

รีวิว Olympus M.Zuiko 12-100mm f4 PRO

รีวิว Olympus M.Zuiko 12-100mm f4 PRO

ก่อนอื่น ขอบคุณผู้สนับสนุนรายการ
ขอขอบคุณ  Olympus Thailand  ที่ให้ผมยืมเลนส์ครอบจักรวาลเกรดโปร   Olympus  12-100mm f4  PRO  ตัวนี้มาทดสอบครับ


ภาพถ่ายทุกภาพในรีวิวนี้ เป็นไฟล์ JPG ออกจากกล้อง
ย่อภาพ และ ใส่ข้อมูลด้วยโปรแกรม photoscape
ทุกรูปถ่าย แทบจะไม่ได้ปรับแต่งอะไรเลย  โดยให้ภาพมันใกล้เคียงกับภาพดิบๆที่ออกมาจากกล้องมากที่สุด
บางรูป มีปรับ auto level  auto contrast  เล็กๆน้อยๆ

ส่วนใหญ่ ถ่ายด้วยโหมด A
ทุกรูป ใช้  โทนสี  picture mode : เบอร์ 1  i-enhance

shp 0   con 0   sat  0
keep warm color   OFF

ส่วนการตั้งค่า f ค่า WB และโหมดต่างๆ สามารถกดดูได้จาก exif ในภาพได้เลยครับ
ใครอยากดูไฟล์เต็ม ท้ายกระทู้จะมีลิงค์ Google drive ที่สามารถเข้าไปโหลดไฟล์ RAW  และไฟล์เต็ม ไปส่องดูได้ครับ 

อย่างที่บอกไว้ในกระทู้ก่อนๆแล้ว
ในวาระที่แซยิด ครบรอบ 80 ปีของการให้กำเนิดกล้อง olympus
olympus  เขาก็เลยจัดหนัก ออกกล้อง ออกเลนส์ ระดับ Flag ship  ตัวโปร  ตัวท๊อป  ตัวพรีเมี่ยม
มาเป็นขโยงๆเลย    
ผมทยอยรีวิวไปตั้งเยอะแล้ว ก็ยังไม่หมดสักทีครับ  เดี๋ยวพอเผลอๆก็อาจมีออกมาเพิ่มอีก

อุปกรณ์ที่จะมารีวิววันนี้ ก็คือเลนส์ครอบจักรวาล เกรด Pro ตัวล่าสุด ของ Olympus ครับ
หลังจากที่ออก 14-150mm,  14-150mm mk II เกรดชาวบ้านๆออกมาแล้ว

งานนี้ Olympus เขาก็เปิดตัวเลนส์  M.Zuiko  12-100mm f4 PRO    ซึ่งห้อยท้ายด้วยคำว่า PRO
แปลว่างานนี้ ไม่ธรรมดาแน่ ทั้งคุณภาพ และราคา  

โดยเป็นเลนส์ Pro ที่ครอบคลุมการถ่ายภาพทั่วๆไปเกือบทุกระยะ  หรือที่เรียกว่าครอบจักรวาล ตัวเดียวเที่ยวทั่วโลก ประมาณนั้น 
ซึ่งระยะของเลนส์ตัวนี้ ถ้าคูณออกมาเทียบเท่ากับกล้อง FF  หรือกล้องฟิล์ม  
ก็จะเทียบเท่า 24-200mm f4  ซึ่งก็จัดว่าเป็นระยะที่ครอบคลุมการใช้งานกว่า 90% ของคนทั่วไปละครับ
ถ่ายได้ทุกแนว

ส่วนคำว่า Pro ที่ห้อยท้าย ก็แปลง่ายๆ ว่าพิเศษทุกอย่าง  เส้นเยอะ เพิ่มลูกชิ้น  เพิ่มเนื้อด้วย
คมเป็นพิเศษ  ควบคุมความผิดเพี้ยนมาอย่างดีเป็นพิเศษ
และก็มาพร้อมกับซีลป้องกันฝุ่น กันน้ำ  ที่ทำให้เลนส์ใช้งานได้ทุกสภาวะอากาศ
และสุดท้าย ราคาก็สูงพิเศษเช่นกันแฮ่ๆ  



โดยคราวก่อน หลังจากที่ผมได้ลองเอาเลนส์ 25mm ไปพรมน้ำแช่ไว้ 20 นาที
และเอาไปแช่ช่องฟรีซไว้อีก 20 นาที ไปแล้ว  
ทาง olympus ก็แจ้งเตือนว่าว่า  อย่าลืมเอากล้องออกจากตู้เย็นนะคะ  
พร้อมกับทำเสียงดุๆ   ทำนองว่าถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมา แกได้ซื้อไว้ใช้เองแน่ๆ

งวดนี้ ผมเลยไม่กล้าเอาไปแช่ตู้เย็นละครับ
ดูรูปเก่าๆของตัว 25mm  แทน แล้วก็มโนว่า มันทำได้เหมือนๆกันก็แล้วกัน  
คือกันละอองน้ำ กันฝุ่น  ใช้งานได้ที่อุณหภูมิ -10 องศา  เมื่อใส่กับบอดี้ ที่กันน้ำกันฝุ่นด้วยกัน





เนื่องจากมันเป็นเลนส์พิเศษ  

ดังนั้น  การออกแบบชิ้นแก้ว  ก็ใช้ชิ้นแก้วเยอะเป็นพิเศษ
และก็ใส่ชิ้นแก้วชนิดพิเศษ  มาหลายชิ้นครับ
ไม่ว่าจะเป็น  DSA (Dual Super Aspherical) lenses,
HR (high refractive index) lenses,
and Super HR (super-high refractive index)
และก็ ED  Lenses   อีกต่างหาก

นับๆดูแล้ว เหมือนจะเป็นชิ้นเลนส์พิเศษเกือบครึ่งกระบอก
แก้นั่น  แก้โน่น  แก้นี่  สารพัด   เดี๋ยวจะได้ดู  ว่าแล้วภาพมันจะออกมาประมาณไหน



การ design กระบอกเลนส์  ก็ดูจะถึก ทน และมีเส้นมีสาย มากมายครับ 
แหวนซูมใหญ่จับถนัดมือ   แหวนโฟกัส ชักขึ้นชักลงได้

https://pantip.com/topic/35840393

และมีปุ่มเปิดปิดระบบ IS   พร้อมทั้ง ปุ่ม Fn




เปรียบเทียบขนาด  กับพี่น้อง  12-40mm  40-150mm ครับ



น้ำหนักตัวก่อนขึ้นชก  ก็  561 กรัม   ราวๆครึ่งกิโลนิดหน่อย  จัดว่าเป็นเลนส์ที่ค่อนข้างหนักสำหรับมาตรฐานของเลนส์ 4/3

แต่ถ้าคิดไปว่า  เวลาไปออกทริป 7-8 วัน หรือ  เดินขึ้นดอยสักครึ่งวัน  
แล้วพกเลนส์ตัวนี้ไปแทน 12-40  กับ 40-150mm
มันก็จะเบาสบายกว่าเดิม มากพอสมควรเลยครับ  เท่าที่ใช้มาเกือบเดือน ผมว่ามันแทนกันได้เลยครับ
เว้นแต่ตอนเอาไปถ่ายสาว  ที่ 40-150 ยังละลายหลังได้มากกว่า โบเก้มุ้งมิ้งกว่า

ตามสมการนี้


การเก็บรายละเอียด  ถือว่า ok ตั้งแต่ ช่วงกว้าง  ไปถึง ช่วงแคบ ครับ 
แสงมาก แสงน้อย  แดดร่ม  แดดหุบ ครับ

โชคดี ที่เลนส์ตัวนี้อยู่กับผมนานหน่อย   และเมียก็ใจดี  อนุมัติงบให้ไปเที่ยว  
ก็เลยได้พกพาเอาเลนส์ไปลอง ตั้งแต่ดอยปุย  แม่ฮ่องสอน  ยัน เกียวโต  ฮิโรชิม่า เลย





















อ่านรีวิวทั้งหมดจากที่นี่ Click Pantip

ไม่มีความคิดเห็น